วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

แม่ที่ลูกคิดถึง

นี่ก็ร่วมสี่ปีแล้วสินะตั้งแต่วันที่แม่จากพวกเราไป เมื่อสองสามวันก่อน ผมได้รับโทรศัพท์จากน้องบุญธรรมว่าแม่ผมเสียตอยอายุเท่าไหร่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แม่ ทำให้คิดถึงแม่ขึ้นมาอย่างจับใจ อาจเป็นเพราะในวันนั้นช่วงเย็น ผมต้องไปร่วมงานศพของพ่อเพื่อนคนพิการ แต่เขาเป็นคริสเตียน ผมเรียกแม่ว่า หม่าม้า เป็นภาษาจีนแปลว่า แม่ มันทำให้นึกภาพตอนที่อยู่โรงพยาบาล ในตอนที่เพิ่งฟื้นหลังจากสลบมาครึ่งเดือน ทุกวันหม่าม้าต้องมาเฝ้าเกือบทุกวัน ลืมตาขึ้นมาครั้งใด คนแรกที่ผมได้เห็นคือ หม่าม้า ตอนฟื้นขึ้นมาผมขยับอะไรไม่ได้เลยอยู่โรงพยาบาลสามเดือน หม่าม้ามาเฝ้าทุกวัน ผมเหมือนเด็กต้องหัดทำใหม่ทุกอย่างเลย จำได้ว่า หม่าม้าเอานั่งรถเข็นแล้วไปที่สวนหย่อมในโรงพยาบาลแล้วพยุง เรียกว่าลากดีกว่า ผมก็พยายามจะเดินให้ได้แต่มันไม่ได้เลย อ้อ ต้องบอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกไม่ดีต่อการปฏิบัติของพยาบาลด้วย เพราะมีครั้งนึง หม่าม้ามาสายแล้วผมตื่นขึ้นมา ปวดฉี่ ไม่รู้จะทำไง ขยับแขนก็ไม่ได้ไม่มีแรง พอเห็นพยาบาลมาจึงพยายามสื่อให้รู้ว่าช่วยเอากระป๋องฉี่ (คอมฟอร์ดร้อย) มารองให้หน่อย ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย แต่พยาบาลคงเรียนมาและช่วยได้ แต่สุดท้ายเค้าเอากระป๋องฉี่มารอง ไม่จับอะไรให้เลย ด้วยความปวดฉี่มาก ผมเลยฉี่ใส่แต่ปรากฏว่ามันไม่เข้าโถฉี่ แฉะที่นอนเลย พอเขาเห็นเขาพูดว่า ว๊า ฉี่เปียกที่นอนเลย เส็ดแล้วเขาเปิดม่านแล้วก็ไป ปล่อยผมทิ้งไว้ รอจน หม่าม้า มา ตั้งแค่นั้นผมร้องไห้ทุกวัน ขอหมอกลับบ้าน ผมฟ้องไม่ได้ ผมไม่ค่อยมีเสียง ร้องแค่ กลับบ้าน สามเดือน ผมยังยืนเองไม่ได้เลย แต่เพราะความสงสาร หม่าม้าช่วยขอหมอจนผมได้ออกมาจากโรงพยาบาล ตอนออกมา ทุลักทุเลมาก หม่าม้า หิ้วปีก ออกมาเรียกรถแท็กซี่ ผมมาหัด ยืน เดิน พูด เองคนเดียวที่บ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น